ไฮไลท์ของสายพันธุ์
สุนัขอิงลิช บูลด็อกในภาพจำของทุกคนคือ สุนัขตัวเตี้ยล่ำ หน้าย่น คางยื่น พร้อมท่าทางสดใสขี้เล่นแต่ดูไม่ว่องไวนัก ใช่แล้วนี่คือหน้าตาท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์ที่สุดของสายพันธุ์นี้ ยิ่งตอนเป็นลูกหมาตัวกลมย่น ๆ นิ่ม ๆ น่ารักน่าฟัด ทำให้อิงลิช บูลด็อกเป็นสุนัขยอดนิยมอย่างไม่ยากเย็น
ปัจจุบันสุนัขถูกปรับปรุงสายพันธุ์ให้เหมาะกับเลี้ยงในบ้าน ทั้งขนาดตัวเล็กลงและความดุร้ายก็ลดลงมากจนกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เป็นมิตรกับมนุษย์มากที่สุด แต่!!! กับสัตว์อื่น ๆ เช่น สุนัข กลับกลายเป็นว่าอิงลิช บูลด็อกเข้ากันกับเพื่อนหมาไม่ค่อยได้ หากคิดจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ เจ้าของอาจต้องคำนึงถึงสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้านด้วย
อิงลิช บูลด็อก ไม่ชอบอากาศร้อน ไม่ชอบกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก ไม่ต้องการออกกำลังกายแบบหนักหน่วง ไม่เล่นแบบบ้าพลัง ดังนั้น สุนัขไม่ต้องการพื้นที่เยอะในการเลี้ยงแต่ยังต้องการเวลาในการเดินเล่นและความสนใจจากเจ้าของไม่ต่างจากสายพันธุ์อื่น ๆ ใครอยู่บ้านหลังเล็กหรือคอนโดแล้วอยากเลี้ยงหมาขนาดกลาง ๆ อิงลิช บูลด็อกเป็นสายพันธุ์หนึ่งที่น่าเลี้ยง
แม้ว่าสุนัขจะมีนิสัยค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว แต่การฝึกสุนัขก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาควรรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ การปล่อยให้สุนัขที่แข็งแรงขนาดนี้ทำทุกอย่างตามใจไร้การควบคุม ย่อมส่งผลเสียในอนาคต เช่น เราจะไม่สามารถควบคุมสุนัขได้เลยหากต้องพาออกไปที่สาธารณะและสุนัขของเราอาจไม่ได้เป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลก
อิงลิช บูลด็อกไม่ใช่สุนัขที่ฉลาดที่สุด ออกจะดูมึน ๆ ด้วยซ้ำ ทำให้การฝึกสุนัขต้องใช้ความอดทนและจิตวิทยามากพอสมควร ใครคิดจะเลี้ยงอาจต้องศึกษาและทำความเข้าใจพฤติกรรมของสุนัข เพื่อหาวิธีอยู่ร่วมกันอย่างมีกฎเกณฑ์
อ่านเรื่อง พัฒนาการลูกสุนัข เริ่มดูแลพวกเขาอย่างเข้าใจตั้งแต่เป็นลูกหมา
อิงลิช บูลด็อก ราคาค่อนข้างสูง นอกจากนั้นการเลี้ยงอิงลิช บูลด็อกยังมาพร้อมค่าใช้จ่ายมากมายอาจจะมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่นด้วยซ้ำ เพราะต้องการอาหารคุณภาพดีและการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เจ้าของสุนัขอาจต้องพิจารณาจุดนี้เพิ่มขึ้นว่าเราสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดไหวหรือไม่
ความเป็นมา
อิงลิช บูลด็อก มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15 สายพันธุ์ดั้งเดิมนิยมเลี้ยงในประเทศอังกฤษ สุนัขถูกพัฒนาสายพันธุ์มาจากสุนัขมาสทิฟฟ์ (Mastiff) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ในการล่าวัวป่าเป็นที่มาของชื่อ Bulldog (Bull = วัวตัวผู้) ซึ่งช่วงแรกของการพัฒนาสายพันธุ์อิงลิช บูลด็อก ตัวใหญ่และสูงกว่าในปัจจุบัน
รูปร่างหน้าตาของอิงลิช บูลด็อก ถูกพัฒนามาเพื่อใช้ต่อสู้กับสัตว์ตัวใหญ่โดยมีเป้าหมายโจมตีบริเวณหน้าและคอโดยเฉพาะ ด้วยร่างกายบึกบึนแข็งแรงเหมือนรถถัง หัวกลมใหญ่ ตาและหูมีขนาดเล็ก ส่วนที่สำคัญคือกรามขนาดใหญ่แข็งแรง กรามล่างยื่น จมูกเชิด ทำให้เวลางับที่คอของคู่ต่อสู้ อิงลิช บูลด็อก สามารถงับติดอยู่แบบนั้นได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหายใจ สุนัขวิ่งได้ไม่เร็วนักแต่ในเรื่องการต่อสู้ไม่เป็นรอง ถ้าหากถูกงับแล้วยากที่จะหนีอิงลิช บูลด็อกได้
นอกจากใช้สุนัขเพื่อการล่าวัวแล้ว การเลี้ยงอิงลิช บูลด็อกในประเทศอังกฤษยังนิยมเลี้ยงเพื่อความบันเทิงในการต่อสู้กับวัว หมี สิงโตหรือแม้กระทั่งช้าง จนในที่สุดการเลี้ยงสุนัขไว้ต่อสู้ได้ยุติลงในปี ค.ศ.1835 ช่วงนั้นอิงลิช บูลด็อกไม่ได้รับความนิยมเลี้ยงมากนักเนื่องจากขึ้นชื่อเรื่องความก้าวร้าว
ปี ค.ศ.1864 เป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดมาตรฐานและพัฒนาสายพันธุ์อิงลิช บูลด็อกอย่างจริงจังโดยกลุ่มผู้เลี้ยงในประเทศอังกฤษ เป็นเวลาหลายร้อยปีนับตั้งแต่เริ่มมีการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้จนได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะกับการเลี้ยงในบ้านมากขึ้น ดุน้อยลง ขนาดตัวเล็กลงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ใช้สำหรับต่อสู้กับสัตว์ใหญ่ อิงลิช บูลด็อกจึงได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านอย่างเต็มตัว
อิงลิช บูลด็อกในปัจจุบันแตกต่างจากสายพันธุ์ดั้งเดิมเมื่อหลายร้อยปีก่อนอย่างมาก ลองจินตนาการถึงสุนัขที่ถูกเพาะพันธ์ุเพื่อเป็นนักล่าวัว แน่นอนว่าต้องตัวโต แข็งแรง ว่องไว ดุร้ายและเต็มไปด้วยสัญชาตญาณนักล่า นั่นคืออิงลิช บูลด็อกสายพันธุ์ดั้งเดิมในอดีต แต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นหมาย่นตัวใหญ่ที่มีความเป็นมิตรมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง
ความต้องการพื้นฐาน
สารอาหาร
อิงลิช บูลด็อกต้องการสารอาหารไม่แตกต่างจากสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ แต่อาหารที่สุนัขทานควรเป็นอาหารคุณภาพสูง สูตรอาหารเหมาะสมกับสุนัขในแต่ละช่วงวัย เจ้าของควรควบคุมปริมาณอาหารให้พอเหมาะ ไม่น้อยหรือมากจนเกินไป เพราะอิงลิช บูลด็อกอ้วนง่ายมาก
อาหารคนหรือขนมสำหรับสุนัข สามารถให้อิงลิช บูลด็อกทานได้ แต่ควรจำกัดปริมาณหรือให้เป็นรางวัลตามโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น เพราะการควบคุมน้ำหนักสำหรับสุนัขสายพันธุ์นี้เป็นสิ่งจำเป็น นอกจากจะกินเก่ง อิงลิช บูลด็อกยังไม่ชอบออกกำลังกายหนัก ๆ นั่นทำให้สุนัขมีปัญหาเรื่องความอ้วนได้ง่ายกว่าสุนัขพันธุ์อื่น
อาหารคนไม่ได้ปลอดภัยสำหรับสุนัขทุกอย่าง อย่าลืมเช็คให้แน่ใจก่อนว่าอาหารที่เราให้สุนัขทานนั้นปลอดภัยจริง ๆ
ที่แน่ ๆ สุนัขทานช็อกโกแลตไม่ได้นะ อ่านบทความ สุนัขกินช็อกโกแลต!!!
รักษาความสะอาด
อิงลิช บูลด็อกขนสั้นเกรียน การดูแลความสะอาดทำได้ไม่ยากนัก อาบน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว สำหรับขนสั้น ๆ นั้น เราควรแปรงขนให้สุนัขสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพราะสุนัขขนร่วงได้ง่าย การช่วยแปรงขนให้สุนัขบ่อย ๆ นอกจากจะช่วยเก็บเศษขนที่หลุดร่วงออกไปจากตัวยังช่วยลดภาระการทำความสะอาดบ้านของเจ้าของอีกด้วย
แนะนำแปรงที่ทำจากยางมากกว่าหวีซี่ เพราะสุนัขขนสั้นอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องหวีแบบสางขนเหมือนสุนัขขนยาว นอกจากนั้นแปรงยางยังมีข้อดีคือ ขนแปรงไม่คมและขณะแปรงขนยังเป็นการนวดให้สุนัขผ่อนคลายอีกด้วย
อิงลิช บูลด็อกมีรอยพับย่นโดยเฉพาะบริเวณหน้าและโคนหาง หนังที่ม้วนพับนี่ล่ะเป็นจุดที่เราต้องดูแลเช็ดทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพราะผิวหนังอับชื้นง่าย หากไม่ทำความสะอาดเป็นประจำทุกวัน สุนัขอาจกลายเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากความอับชื้น (Moist Dermatitis)
อย่าลืมตัดเล็บสุนัขทุก 2 สัปดาห์ด้วยนะ
ออกกำลังกาย
อิงลิช บูลด็อกไม่ได้ชอบกิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้งมากนัก การเดินเล่นในสนามหรือสวนก็เพียงพอสำหรับสุนัข แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าสุนัขจะไม่ชอบเล่นเลย พวกเขายังต้องการเล่นแบบเบา ๆ เช่น เล่นของเล่นกับเจ้าของ วิ่งเล่นแบบเหยาะ ๆ หรือว่ายน้ำตื้น ๆ ก็เป็นกิจกรรมที่อิงลิช บูลด็อกชอบเช่นกัน
สิ่งที่ควรระวังเมื่อเลี้ยงอิงลิช บูลด็อกคืออากาศร้อน!!! เพราะสุนัขหน้าสั้นมักมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ อากาศที่ร้อนและกิจกรรมที่หนักหน่วง สุนัขอาจเกิดอาการหอบหายใจไม่ทันขึ้นมาได้ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว
ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย
ความอ้วน เป็นปัญหาสุขภาพหลักของอิงลิช บูลด็อก เพราะอ้วนง่ายและยังไม่ชอบออกกำลังกายอีกด้วย สิ่งที่เจ้าของทำได้คือ เลือกใช้อาหารสุนัขคุณภาพดี จำกัดปริมาณอาหารให้พอเหมาะ เลือกอาหารให้เหมาะกับสุนัขแต่ละช่วงวัย และที่สำคัญที่สุด อย่าตามใจสุนัขเมื่อพวกเขาร้องขออาหารคนหรือขนม
กลุ่มอาการหายใจลำบากของสุนัขหน้าสั้น (Brachycephalic Obstructive Airway Syndrome) อิงลิช บูลด็อกเป็นหนึ่งในสุนัขหน้าสั้น ซึ่งมีโอกาสประสบปัญหาระบบทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น รูจมูกตีบแคบ เพดานอ่อนยาวกว่าปกติ หลอดลมตีบหรือกล่องเสียงที่ผิดปกติ
สังเกตง่าย ๆ ที่บ้านหากคุณเลี้ยงสุนัขหน้าสั้น ดังนี้ เหนื่อยง่าย หายใจหอบเสียงดัง นอนกรน นอกจากนั้นความอ้วน ทำให้สุนัขหน้าสั้นที่มีอาการหายใจลำบากอยู่แล้วอาการแย่ลงได้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์นะ
อาการหายใจลำบากคือ 1 ในอาการฉุกเฉินที่ไม่ควรละเลย อ่านบทความ 10 อาการฉุกเฉินในสุนัข
วางแผนก่อนมีลูก สุนัขอิงลิช บูลด็อกมักมีปัญหากับการคลอดลูกเสมอ สัตวแพทย์แนะนำให้วางแผนก่อนผสมพันธุ์และผ่าตัดคลอดลูก เนื่องจากลูกหมามีหัวกลมโตที่อาจมีขนาดใหญ่กว่าเชิงกรานของแม่หรือแม่สุนัขหน้าสั้นเสี่ยงต่อการหายใจไม่ทันเมื่อต้องเบ่งคลอดตามธรรมชาติ
สุขภาพช่องปากและฟัน เป็นปัญหาอย่างหนึ่งของสุนัขอิงลิช บูลด็อก เนื่องจากฟันบนกับฟันล่างที่ไม่สบกัน ทำให้การขัดถูกันของฟันขณะเคี้ยวลดลงมากส่งผลให้เกิดคราบแบคทีเรียและหินปูนได้ง่าย ตามมาด้วยปัญหากลิ่นปากและเหงือกอักเสบ
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) โรคยอดฮิตที่ผู้เลี้ยงอิงลิช บูลด็อกต้องพบเจออย่างแน่นอน เนื่องจากผิวหนังไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบ ๆ ตัว เช่น เห็บหมัด ตัวไร หญ้าหรือแม้แต่อาหารที่กินก็อาจทำให้สุนัขเกิดอาการแพ้ได้ อาการสำคัญของโรคภูมิแพ้ผิวหนังคือ คัน ผื่น ผิวแห้งลอกและผิวหนังแดงอักเสบ ซึ่งต้องทำใจไว้ก่อนว่าอาการจะเป็น ๆ หาย ๆ อาจต้องรักษากันนาน ใครอยากเลี้ยงพันธุ์นี้อย่าลืมเตรียมเงินไว้รักษาโรคผิวหนังด้วยนะ