ความเป็นมาของสายพันธุ์
แมวอะบิสซิเนียนมีต้นกำเนิดที่ Abyssinia หรือเอธิโอเปียในปัจจุบัน คาดว่าบรรพบุรุษเป็นแมวป่าแอฟริกา แต่แมวกลับไปโด่งดังในอิยิปต์ เนื่องจากแทบทุกผนังกำแพงปิรามิด หลุมศพ สุสาน ต่างมีอักษรจารึก รูปภาพและรูปปั้นแมวอะบิสซิเนียนอยู่ทั่วไปหมด ซึ่งมีอายุเก่าแก่ราว 4000 – 6000 ปีก่อน สันนิษฐานว่ามนุษย์มีการเลี้ยงแมวมาตั้งแต่ตอนนั้น นับว่าแมวอะบิสซิเนียนเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ถึงปัจจุบันโดยที่รูปร่างหน้าตาแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
อ่าน 10 ความลับที่แมวเหมียวใช้ล่อลวงทาสแมวให้หลงรัก
ชาวอิยิปต์โบราณมีความเชื่อว่าเทพเจ้าบาธ (Bastet) เทพสตรีซึ่งมีศีรษะเป็นแมว เป็นเทพเจ้าแห่งการกำเนิด ปกป้องมนุษย์จากวิญญาณชั่วร้ายและโรคระบาด ทำให้แมวเทพสัญลักษณ์ของเทพเจ้าบาธได้รับความเคารพไปด้วย ถึงขนาดมีกฎหมายคุ้มครองแมว ใครก็ตามที่ฆ่าแมวจะต้องถูกลงโทษขั้นสูงสุดอาจถึงตาย
แม้ว่าถิ่นกำเนิดแมวจะเกิดในเอธิโอเปีย แต่การปรับปรุงสายพันธุ์แมวนั้นเริ่มขึ้นในอังกฤษ แมวอะบิสซิเนียนตัวแรกถูกนำเข้าสู่อังกฤษ โดยนายทหารอังกฤษที่มารบในสงคราม The Abyssinian War ช่วงปีค.ศ. 1868 ได้นำแมวชื่อ Zula กลับอังกฤษด้วย เหตุการณ์ชีวิตแมวเป็นอย่างไรไม่ปรากฎ พบเพียงภาพวาดแมวจัดแสดงไว้ที่ The Crystal Palace กรุงลอนดอน
ภาพของ Zula มีหัวกลมและหูค่อนข้างเล็กกว่าแมวอะบิสซิเนียนในปัจจุบัน ทฤษฎีที่ 1 มีความเป็นไปได้ว่าชาวอังกฤษปรับปรุงพันธุ์แมวอะบิสซิเนียนดั้งเดิมกับแมวหูกระต่าย (British bunny cat) แมวพื้นเมืองของอังกฤษ จนกระทั่งได้สายพันธุ์มาตรฐานแบบแมวอะบิสซิเนียนในปัจจุบัน
ทฤษฎีที่ 2 นักวิทยศาสตร์ระบุว่าพันธุกรรมของแมวอะบิสซิเนียนมีความใกล้ชิดกับแมวแถบเอเชีย เช่น แมวไทยแท้อย่างแมววิเชียรมาศ เป็นต้น จึงเกิดทฤษฎีใหม่ที่กล่าวว่า มีคนนำแมวจากเอเชียข้ามมหาสมุทรไปอังกฤษและขยายพันธุ์กลายเป็นแมวอะบิสซิเนียนในปัจจุบัน แต่สาเหตุที่ไม่เปลี่ยนชื่อสายพันธุ์ เพื่อให้เกียรติกับ Zula1 แมวอะบิสซิเนียนตัวแรกที่ได้รับการบันทึกว่าได้เดินทางออกจากเอธิโอเปียสู่ดินแดนอังกฤษ
ความต้องการพื้นฐาน
การดูแลทั่วไป
แมวอะบิสซิเนียนเลี้ยงง่าย ค่อนข้างรักสะอาดจึงแทบไม่ต้องกังวลเรื่องแมวจะสกปรกเลอะเทอะเลย นอกจากนั้นขนยังสั้นง่ายต่อการดูแลความสะอาด
สิ่งที่เจ้าของต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ นิสัยของแมว เพราะแมวอะบิสซิเนียนขึ้นชื่อเรื่องความซน ชอบปีนป่าย ชอบที่สูง ต้องการออกกำลังกายปล่อยพลังเป็นอย่างมาก คลั่งของเล่นและต้องการความสนใจจากเจ้าของ ในขณะเดียวกันแมวก็มีนิสัยขี้อาย เงียบขรึมและมีโลกส่วนตัวสูง เจ้าแมวอะบิสซิเนียนที่ถูไถอ้อนเจ้าของในตอนเช้า อาจเปลี่ยนเป็นแมวเย็นชาที่เรียกยังไงก็ไม่หันในตอนเย็นก็เป็นได้ เหล่าทาสอาจต้องรับมือกับแมวสองบุคลิกหากอยากเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้
อ่าน จัดบ้านตามใจแมว จัดบ้านให้สนุก ปลอดภัยและเข้าใจทุกความต้องการของแมว
แมวอะบิสซิเนียนฉลาดมากและสามารถเข้าใจสิ่งที่มนุษย์พยายามจะสอนได้เป็นอย่างดี แต่แมวจะทำตามคำสั่งมั้ยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การเลี้ยงแมวที่ฉลาดและจดจำเก่งนั้น ประสบการณ์ที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากต้องการให้แมวเคยชินกับบางสิ่ง เช่น อาบน้ำ แปรงขน ตัดเล็บหรือแปรงฟัน เจ้าของอาจต้องหาเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ชวนให้แมวร่วมกิจกรรมอย่างสนุก หลีกเลี่ยงการบังคับเพราะแมวจะจดจำและเกลียดกิจกรรมนั้นไปเลย
ทริค!!! ขนมแมวเลีย ตัวช่วยเริ่ด ๆ ที่แสดงถึงความเป็นมิตรและช่วยทำให้ทุกกิจกรรมง่ายขึ้นเยอะ
สารอาหาร
แมวอะบิสซิเนียนต้องการอาหารแมวคุณภาพดีเหมือนแมวทั่ว ๆ ไป ในปริมาณที่พอเหมาะและเหมาะสมกับช่วงวัยของแมว
อย่าลืม!!! อ่านฉลากอาหารว่ามีส่วนประกอบของ ทอรีน (Taurine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับแมว เมื่อร่างกายขาดทอรีนทำให้แมวมีโอกาสเป็นโรคหัวใจโต (Dilated cardiomyopathy) และจอประสาทตาเสื่อม (Retina degeneration)3 ซึ่งสายพันธุ์แมวอะบิสซิเนียนมีความเสี่ยงสูงกว่าแมวสายพันธุ์อื่น ๆ
การดูแลความสะอาด
แมวอะบิสซิเนียนขนสั้นแต่หนาแน่นและละเอียดมาก ขนร่วงปานกลาง ต้องการการดูแลทำความสะอาดไม่มากนัก และยังอาบน้ำค่อนข้างง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ (ถ้าเริ่มอาบน้ำตั้งแต่เป็นลูกแมวและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการอาบน้ำ)
ทำความสะอาดตัวแมว – แมวรักสะอาดและดูแลตัวเองค่อนข้างดีอยู่แล้ว การใช้ผ้าสะอาดเช็ดตัวแมวก็เพียงพอ หรืออาจเพิ่มแชมพูแห้งหรือสเปรย์ทำความสะอาดสำหรับสัตว์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการทำความสะอาดแมวโดยไม่ต้องอาบน้ำบ่อย ๆ
ทำความสะอาดใบหน้าและหู – แมวอะบิสซิเนียนไม่ค่อยมีปัญหา แมวตาแฉะ แต่อย่างไรก็ตามควรทำความสะอาดใบหน้า รอบตา ใบหู จมูกและปากอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
อาบน้ำแมว – แนะนำเดือนละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่แมวผลัดขน การอาบน้ำช่วยกำจัดขนที่ร่วงได้เป็นอย่างดี
แปรงขน – แปรงขนแมวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อเก็บขนที่หลุดร่วงออก ลดโอกาสก้อนขนอุดตันทางเดินอาหาร (Hair ball) แม้ว่าขนแมวจะสั้นก็เกิดก้อนขนอุดตันได้เช่นเดียวกับแมวขนยาว
แปรงฟันแมว – ควรแปรงฟันทุกวันเพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ลดโอกาสเกิดคราบหินปูนและเหงือกอักเสบ
ตัดเล็บแมว – ทุก 2 สัปดาห์
ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย
แมวอะบิสซิเนียนมีโอกาสป่วยมากกว่าแมวสายพันธุ์อื่น ๆ ด้วยโรคทางพันธุกรรม ก่อนเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้อาจต้องเตรียมเงินไว้ตรวจสุขภาพและรักษาหากแมวเกิดป่วยขึ้นมา แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยทีเดียว
สะบ้าเคลื่อน (Patellar luxation) – จากการศึกษาทั้งในยุโรปและอเมริกาพบว่ามีโอกาสที่แมวอะบิสซิเนียนจะมีอาการสะบ้าเคลื่อนได้ถึง 38%4 หากอาการไม่รุนแรงมากแค่เพียงออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงพื้นลื่นและคุมน้ำหนักก็เพียงพอ ในรายที่อาการรุนแรงอาจต้องได้รับการผ่าตัด
จอประสาทตาเสื่อม (Retinal atrophy / Retinal degeneration) – มีโอกาสเกิดขึ้นกับแมวอะบิสซิเนียนมากกว่าแมวสายพันธุ์อื่น ๆ พบได้ตั้งแต่ลูกแมว 8 สัปดาห์จนถึงแมวอายุ 2 ปี หากเกิดขึ้นแล้วมักตาบอดในที่สุด4
Pyruvate kinase deficiency (PKD) – เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงของแมวเปราะบางและแตกง่าย แมวมักแสดงอาการซีดเนื่องจากโลหิตจาง
โรคไตเนื่องจากการสะสมของโปรตีนอะไมลอยด์ (Renal amyloidosis) – ร่างกายของแมวอะบิสซิเนียนมีโอกาสเกิดการสะสมของโปรตีนอะไมลอยด์ (Amyloid) ทุกอวัยวะทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะสมของโปรตีนอะไมลอยด์ที่ไต ส่งผลให้แมวไตวายในที่สุด
โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus) – แมวอายุ 10 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงจะเป็นโรคเบาหวานมากกว่าแมวสายพันธุ์อื่น ๆ
โรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้ (Atopic dermatitis) – แมวผิวหนังเซนซิทีฟต่อสารก่อภูมิแพ้ โดยเฉพาะแมวแพ้น้ำลายหมัด ทุกครั้งที่แปรงขนหรืออาบน้ำ อย่าลืมตรวจดูตามตัวว่าแมวมีร่องรอยโรคผิวหนังหรือไม่
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) – แมวอะบิสซิเนียนมีความเสี่ยงโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจเริ่มมีอาการตั้งแต่แมวอายุ 2-3 ปีหรือเริ่มมีอาการในแมวแก่อายุ 9-10 ปี4
โรคเหงือกและฟัน (Periodontal disease) – การสะสมของคราบแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดหินปูน เหงือกอักเสบ แมวปากเหม็นตามมา และแมวอะบิสซิเนียนก็จัดอยู่ในสายพันธุ์อันดับหนึ่งที่มีปัญหาช่องปากและฟัน
คลอดยาก (Dystocia) – แมวอะบิสซิเนียน 100 ตัวจะมีแมว 1 ตัวที่มีปัญหาคลอดยาก4