ทำยังไงเมื่อเจ้าเหมียวป่วย หัดแมว โอกาสรอดมีมากน้อยแค่ไหนกันนะ

หัดแมว โรคติดต่อของเจ้าเหมียวที่ทาสแมวคุ้นหูกันแน่นอน แต่เรารู้จักโรคนี้ดีแค่ไหนกันล่ะ กาโตโระพาทาสแมวไปรู้จักโรคนี้ตั้งแต่หัดแมวเกิดจากอะไร อาการเริ่มต้น การดูแลและรักษาแมวเมื่อเกิดติดเชื้อนี้ขึ้นมา จนถึงหัดแมว โอกาสรอดมากน้อยแค่ไหน ทาสแมวยังมีความหวังรักษาน้องอยู่หรือเปล่า

หัดแมวเกิดจากอะไร?

หัดแมว คือโรคติดเชื้อรุนแรงที่มีต้นเหตุมาจากเชื้อไวรัสชื่อ “พาร์โวไวรัส” มีชื่อเรียกว่า Feline Parvovirus Enteritis หรือ Feline Panleukopenia Virus หรือ FPV เชื้อชนิดนี้เป็นไวรัสกลุ่มเดียวกันกับที่ทำให้เกิดลำไส้อักเสบรุนแรงในลูกสุนัข ดังนั้นไวรัสสามารถติดต่อจากแมวสู่สุนัขหรือสัตว์ตระกูลใกล้เคียงแมว (Felids) เช่น มิ้งค์ แรคคูน แมวป่า เสือและสิงโต แต่ไม่แสดงอาการรุนแรงมากนักกับสัตว์กลุ่มสุนัขเมื่อเทียบกับเชื้อพาร์โวไวรัสที่ติดเฉพาะสุนัข (type2 Canine Parvovirus หรือ CPV)

พาร์โวไวรัสขึ้นชื่อเรื่องความอดทน ตายยาก สามารถซ่อนตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมรอเวลาที่แมวโชคร้ายรับเชื้อเข้าไปในร่างกายและไวรัสจะเติบโตขึ้นอีกครั้ง ไวรัสมีชีวิตได้นานเป็นปีในอุณภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) และทนต่อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเกือบทุกชนิด

Warning!!! หัดแมวเป็นโรคที่มีอาการรุนแรง ลูกแมวสามารถเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงภายหลังแสดงอาการป่วย อัตราการแพร่กระจายเชื้อและเสียชีวิตสูงมากโดยเฉพาะลูกแมวอายุน้อยกว่า 5 เดือน แมวที่ติดหัดแมว โอกาสรอดชีวิตประมาณ 20-51 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นที่คุณหมอพูดว่าโอกาสเสียชีวิต 50:50 นั้นไม่เกินความเป็นจริงเลย โรคนี้สามารถป้องกัน ลดความรุนแรงของอาการและลดโอกาสเสียชีวิตได้ หากแมวฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามโปรแกรมที่สัตวแพทย์แนะนำ

ลูกแมวติดเชื้อหัดแมวมักมีอาการรุนแรง
ลูกแมวติดหัดแมวมักมีอาการรุนแรงอาจเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง

เจ้าเหมียวกลุ่มไหนที่เสี่ยงติดเชื้อหัดแมว

  • ลูกแมวตั้งแต่แรกเกิด ไวรัสอาจเป็นสาเหตุของอาการลูกแมวแรกเกิดไม่มีแรง
  • แมวที่เลี้ยงในพื้นที่แออัด
  • แมวที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค
  • แมวอายุน้อยกว่า 1 ปี เป็นกลุ่มที่ติดเชื้อสูงที่สุด
  • ลูกแมวที่แม่แมวติดเชื้อไวรัสในขณะตั้งครรภ์

แม่แมวตั้งท้องโชคร้ายติดเชื้อหัดแมว อาการแย่แค่ไหนและลูกแมวจะได้รับผลกระทบหรือไม่

กรณีที่แม่แมวตั้งท้องและได้รับเชื้อไวรัส แม่แมวอาจแสดงอาการหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแมว แต่มีโอกาสที่ลูกแมวในครรภ์จะได้รับเชื้อไวรัสทางสายรก หากแม่แมวตั้งครรภ์ได้ไม่นานลูกแมวเล็ก ๆ ก็จะตายและแท้งไปเอง

แม่แมวที่ตั้งครรภ์ระยะท้าย (ลูกแมวมีกระดูก) ก็มีโอกาสตายตั้งแต่ในท้อง (fetal mummification) หรืออาจคลอดออกมาได้ แต่ลูกแมวจะมีความผิดปกติของการพัฒนาสมอง (cerebral hypoplasia) ลูกแมวมีอาการชัก กล้ามเนื้อสั่นกระตุก มีปัญหาในการทรงตัว ขาอ่อนแรงและเดินขาไม่สัมพันธ์กัน

อาการของหัดแมว

แมวที่ติดเชื้อไวรัสสามารถแพร่ไวรัสไปสู่แมวตัวอื่น ๆ ผ่านทางสิ่งคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระหรือแม้กระทั่งสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน ชามอาหาร ชามน้ำ เบาะนอน รองเท้าหรือเสื้อผ้าของทาสแมวก็ไม่เว้น ล้วนทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายได้ มีรายงานว่าแมวที่รอดจากการติดเชื้อหัดแมวและไม่มีอาการแล้วสามารถแพร่เชื้อจากอุจจาระได้นานถึง 6 สัปดาห์

แมวได้รับเชื้อไวรัสผ่านทางการเลียกิน สูดดม สัมผัสสิ่งคัดหลั่ง อุจจาระและสิ่งของที่มีเชื้อไวรัส มีระยะฟักตัว 2-7 วันก่อนเริ่มแสดงอาการป่วย โดยหัดแมว อาการเริ่มต้นคือ ซึม แมวเบื่ออาหาร มีไข้สูง 104-107 องศาฟาเรนไฮน์ (40-41.7 องศาเซลเซียส) น้ำลายไหล ปวดท้องรุนแรง เริ่มอาเจียนหลังจากมีไข้ 1-2 วัน ส่วนอาการท้องเสียเป็นเลือดสดพบได้ไม่บ่อยนักเพียง 3-15 เปอร์เซ็นต์ของแมวป่วยเท่านั้น

แมวเบื่ออาหารหลังป่วยหัดแมว
รู้หรือไม่ หัดแมว อาการเริ่มต้นคือซึม เบื่ออาหารและมีไข้

แมวที่ติดเชื้อไวรัสมีโอกาสเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็วจากสภาพร่างกายที่ขาดน้ำอย่างรุนแรง (dehydrate) ทั้งจากการที่แมวไม่ทานน้ำและอาหาร อาเจียนร่วมกับท้องเสีย

ไวรัสมีเป้าหมายที่เม็ดเลือดขาว ต่อมน้ำเหลือง ไขกระดูกและผนังสำไส้ของแมว ไวรัสจะเลือกจู่โจมที่เม็ดเลือดขาวก่อนเป็นอันดับแรก ทำลายเม็ดเลือดขาวอย่างรวดเร็วเป็นที่มาของชื่อ Feline Panleukopenia (เม็ดเลือดขาวทุกชนิดในร่างกายลดจำนวนลงเนื่องจากติดเชื้อพาร์โวไวรัส) ส่งผลให้ร่างกายแมวอ่อนแอมากเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ แทรกซ้อน

สัตวแพทย์จะถามประวัติ ตรวจอาการเบื้องต้นของแมวถ้าเข้าข่ายน่าสงสัยหัดแมว จะยืนยันด้วยการตรวจเลือดและตรวจอุจจาระร่วมด้วย หากพบว่าจำนวนเม็ดเลือดขาวลดต่ำน้อยกว่า 2000 เซลล์/mcL ก็น่าจะติดเชื้อไวรัส ส่วนการใช้ชุดตรวจลำไส้อักเสบของสุนัข มีความแม่นยำ 50-80 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นอาจให้ผลลบทั้งที่แมวติดเชื้อได้

ปัจจุบันมีชุดตรวจหัดแมวโดยเฉพาะที่มีความแม่นยำมากกว่าของสุนัข แม้ขึ้นผลบวกจาง ๆ ก็แสดงว่าติดเชื้อไวรัสแน่นอน ส่วนวิธีที่แม่นยำที่สุดคือ real-time PCR หรือการตรวจหา DNA ของไวรัส ซึ่งทั้งชุดตรวจและ real-time PCR สามารถตรวจได้จากอาเจียนและอุจจาระ2

แมวติดเชื้อพาร์โวไวรัส อาเจียนรุนแรง
อาเจียนคืออาการที่รุนแรงที่สุดของหัดแมว ทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรงจนเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา

คำถามยอดฮิตที่เจ้าของทุกคนต้องอยากรู้ หัดแมว กี่วันหาย?

ระยะเวลาที่แมวแต่ละตัวจะแสดงอาการป่วยจนถึงหายดี ไม่สามารถบอกชัดเจนได้ว่ากี่วันหายแน่ ๆ เนื่องจากความรุนแรงของอาการป่วยที่เกิดกับแมวแต่ละตัวไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอายุแมว ความแข็งแรงของร่างกาย ภูมิคุ้มกันโรคทั้งจากการสัมผัสเชื้อตามธรรมชาติ ภูมิคุ้มกันจากแม่แมวและวัคซีนที่แมวเคยได้รับมาก่อน

แมวแข็งแรงบางตัวติดหัดแมวโดยไม่แสดงอาการป่วยเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่แมวบางตัวอาการรุนแรงจนเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง ตามธรรมชาติร่างกายแมวสามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้เอง

แมวติดเชื้อจะเริ่มอาการดีขึ้นภายใน 5-7 วัน หากพ้นช่วงอันตรายนี้ไปได้ก็มีโอกาสที่แมวจะรอดชีวิตมากขึ้นแม้ว่าแมวจะไม่แสดงอาการป่วยแล้วก็ยังมีโอกาสแพร่เชื้อผ่านอึได้นานถึง 6 สัปดาห์

หัดแมว ยาเขียวช่วยได้จริงหรือไม่?

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนไม่เคยใช้ยาเขียวในการรักษาสัตว์มาก่อน เนื่องจากตัวยาประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด ที่ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาเรื่องความเป็นพิษในแมวและยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้ยาชนิดนี้รักษาหัดแมว บทความนี้จึงไม่อาจแนะนำได้ว่าการใช้ยาเขียวสามารถรักษาโรคได้จริง

รับมือกับหัดแมว ไวรัสตัวร้าย

ติดหัดแมวแล้วทำยังไงดีล่ะ แมวตัวอื่น ๆ จะปลอดภัยมั้ย ไม่ต้องตกใจกาโตโระสรุปสั้น ๆ ให้พร้อมใช้งานได้จริง

ดูแลยังไงให้แมวติดเชื้อหัดแมว โอกาสรอดมากที่สุด

เมื่อแมวแสดงอาการน่าสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อหัดแมว ควรแยกแมวออกจากแมวตัวอื่นให้เร็วที่สุด พาแมวป่วยไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค พร้อมทั้งสังเกตอาการสุนัขและแมวตัวอื่น ๆ ที่ใกล้ชิดแมวป่วย

เนื่องจากไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับรักษาหัดแมวโดยตรง สัตวแพทย์จะรักษาแมวแบบประคับประคองและให้ยาที่จำเป็นตามอาการของแมว ดังนี้

  • ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดหรือใต้ผิวหนัง
  • ให้ยาลดไข้
  • ให้ยาระงับอาเจียน
  • ให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อนจากแบคทีเรียในลำไส้
  • ยาฉีดกระตุ้นภูมิชนิด Recombinant feline interferon omega เป็นยาทางเลือกสำหรับเสริมการรักษา เนื่องจากการศึกษาประสิทธิภาพยายังมีข้อมูลจำกัด
  • แมวสามารถทานอาหารย่อยง่าย ทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง หากไม่มีอาการอาเจียนรุนแรง
  • หากต้องการฉีดวัคซีนให้แมวหลังจากหายป่วย ควรเว้นระยะเวลาให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างน้อย 7-14 วัน แน่ใจว่าแมวแข็งแรงมากพอที่ร่างกายจะรับวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันได้ ค่อยเริ่มโปรแกรมวัคซีนตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

หมายเหตุ ค่าใช้จ่ายในการตรวจและรักษาหัดแมวค่อนข้างสูง อย่างน้อย 300-2000 บาทต่อครั้งที่ไปหาหมอ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ คลินิกและโรงพยาบาลสัตว์ที่ใช้บริการ

ป้อนอาหารแมวป่วยหัดแมว
แมวป่วยสามารถกินอาหารได้ทีละน้อย เน้นอาหารย่อยง่าย แต่ถ้าอาเจียนรุนแรงต้องงดอาหารและน้ำก่อนรีบพาไปหาสัตวแพทย์

การทำความสะอาดบ้านเมื่อต้องอยู่ร่วมกับแมวติดเชื้อ

แยกอุปกรณ์เครื่องใช้ทุกอย่างออกมาทำความสะอาด เช่น เบาะนอน ชามอาหาร ชามน้ำ ของเล่น เสื้อผ้า รวมทั้งทุกอย่างที่น่าสงสัยว่าแมวอาจสัมผัส นี่ไม่ต่างจาก big cleaning day เลยล่ะ ซึ่งเชื้อพาร์โวไวรัสต้นเหตุของหัดแมว ทำความสะอาดได้ด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้

  • 6% aqueous sodium hypochlorite หรือ น้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์นั่นเอง โดยผสมน้ำในอัตราส่วน 1:32 แช่อุปกรณ์หรือล้างทำความสะอาดบริเวณที่สัมผัสแมวติดเชื้อ โดยให้แช่หรือพ่นทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที
  • โพแทสเซียมเปอร์ออกซิโมโนซัลเฟต (potassium peroxymonosulfate) หรือที่รู้จักกันในชื่อ อ็อกซิโปร มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรียและเชื้อรา ค่อนข้างปลอดภัยต่อคนและสัตว์ สามารถใช้ทำความสะอาดพื้นผิว กรง ชามอาหาร เป็นต้น

หมายเหตุ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่ควรสัมผัสโดยตรงและระวังไม่ให้โดนเสื้อผ้า เพราะอาจทำให้เกิดรอยด่างบนผ้าสีได้

บทสรุป

กาโตโระหวังว่าบทความคงเป็นประโยชน์กับทาสแมว เมื่อต้องรับมือกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เจ้าเหมียวที่ติดเชื้อหัดแมว โอกาสรอดมากขึ้นแน่ ๆ ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง แม้ว่าร่างกายจะสามารถกำจัดเชื้อไวรัสเองได้ แต่อย่านิ่งนอนใจเมื่อแมวดูอาการน่าเป็นห่วง ควรพาแมวไปหาสัตวแพทย์

สุดท้ายอย่าลืมพาแมวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคเป็นประจำทุกปี เพราะค่ารักษาแพงกว่าค่าวัคซีนแน่นอน วัคซีนยังช่วยลดโอกาสติดเชื้อและลดโอกาสเสียชีวิตจากโรคร้ายด้วยนะ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าเสียใจทีหลัง


อ้างอิง

1.https://www.msdvetmanual.com/generalized-conditions/feline-panleukopenia/feline-panleukopenia

2.https://journals.sagepub.com/doi/10.1177/1098612X211005301

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า