เกริ่นก่อนคร่าว ๆ ผู้เขียนโตมาในครอบครัวที่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ แม้ว่าจะดูไม่เหมือนคนชอบเข้าวัดทำบุญเลยก็ตาม แต่ความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณก็ยังอยู่ในความคิดและเชื่อว่าหลังจากตายไปแล้ว วิญญาณคงล่องลอยไปที่ไหนสักแห่ง จิตสุดท้ายของสุนัขก็คงมีเช่นกัน เจ้าหมาอาจจะคิดอะไรบางอย่างก่อนตายและเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง วิญญาณของเค้าก็จะเดินทางไปที่ไกลแสนไกล เป็นการเริ่มต้นการเดินทางใหม่ที่ไม่มีเจ้าของไปด้วยกัน (บทความนี้มีทั้งความเชื่อส่วนบุคคลและวิทยาศาสตร์ปะปนกันไป)
ความเชื่อเรื่องจิตสุดท้ายของสุนัข
ความเชื่อเรื่องจิตสุดท้ายของสุนัขดูจะมีมานานตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ พร้อม ๆ กับอารยธรรมของมนุษย์ หากมองย้อนกลับไปในสมัยอียิปต์ การทำมัมมี่ไม่ได้มีแต่มนุษย์เท่านั้นแต่สุนัขยังได้รับเกียรติทำมัมมี่ด้วยเช่นกัน ซึ่งมัมมี่สุนัขที่พบในสุสานขนาดใหญ่ถูกทำขึ้นเพื่อหลายเหตุผลทั้งบูชาเทพอะนูบิส (Anubis) เทพแห่งโลกหลังความตายที่มีศีรษะเป็นสุนัขตามความเชื่อของชาวอียิปต์ และการทำมัมมี่สุนัขเพื่อให้พวกเขาได้ติดตามเจ้านายไปใช้ชีวิตหลังความตายด้วยกัน1
ความเชื่อของชาวพุทธเกี่ยวกับจิตวิญญาณตามความเห็นของผู้เขียน สุนัขคงไม่ต่างจากมนุษย์ที่อาจจะไปเกิดใหม่หรือล่องลอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ครอบครัวที่เขารัก สารภาพตามตรงว่าไม่เคยเห็นผีสุนัขแต่อย่างใด แม้ว่าชีวิตที่ผ่านมาจะเลี้ยงน้องหมามาตลอดและทำงานในโรงพยาบาลสัตว์ สถานที่ที่การบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน อย่างไรก็ตามผู้เขียนยังมีความเชื่อเรื่องการทำบุญไปให้วิญญาณของเหล่าน้องหมาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหรือทิ้งจิตสุดท้ายของสุนัขไว้ในโรงพยาบาลสัตว์ สถานที่สุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะหมดลมหายใจ
การุณยฆาตสุนัข ถูกหรือผิด?
การุณยฆาตสุนัขหรือ put to sleep สุนัข คือการส่งน้องหมาให้หลับสบายในช่วงสุดท้ายของชีวิตหรืออยู่ในช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดหรือความเจ็บป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ โดยมีมนุษยธรรมในการทำให้จากไปอย่างสงบ สุนัขไม่มีความหวาดกลัวหรือเจ็บปวดก่อนที่จะเสียชีวิต
คำถามที่คนไทยมักสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ นี่มันคือความถูกต้องหรือเป็นเรื่องผิดบาปกันแน่!!! เจ้าของชาวต่างชาติดูจะทำใจยอมรับการ put to sleep ได้ง่ายกว่าเจ้าของคนไทยที่ไม่แน่ใจว่าจะบาปหรือไม่นะ หากขอร้องให้สัตวแพทย์ฉีดยาให้สุนัขจากไปอย่างสงบ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่ได้เสียใจเมื่อต้องสูญเสียน้องหมาที่เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว
คุณหมอมีเหตุผลหลายข้อเลยล่ะ ก่อนที่จะตัดสินใจการุณยฆาตสุนัขหนึ่งตัว แน่นอนว่าสัตวแพทย์ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีความรู้สึกเช่นกัน ผู้เขียนเชื่อว่าคุณหมอทุกท่านจะคิดแล้วคิดอีก พร้อมหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าควรจะพิจารณา put to sleep สุนัขดีหรือไม่ เพราะสัตวแพทย์บางท่านอาจจะแบกความรู้สึกในการ put to sleep หนึ่งชีวิตไปตลอดหรือปฏิเสธที่จะไม่ทำเลย
หากจะตอบคำถามว่า ถูกหรือผิด คงจะตอบยากเนื่องจากเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าของต้องตัดสินใจคงแตกต่างกันไป รวมทั้งความเชื่อของแต่ละคนด้วยเช่นกัน ในความเห็นของผู้เขียน คิดว่านี่คือสิ่งที่ทำได้ภายใต้เงื่อนไขของความเจ็บป่วยทุกข์ทรมาน ไม่ใช่เป็นการผลักภาระแต่เจ้าของและสัตวแพทย์เห็นตรงกันแล้วว่า การจากไปอย่างสงบคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับน้องหมา
หลักการพิจารณาก่อนที่คุณหมอจะตัดสินใจการุณยฆาตสุนัข
การฉีดยาให้น้องหมาจากไปอย่างสงบหรือ put to sleep สุนัขมีขั้นตอนหลัก ๆ อยู่สองอย่างคือ ฉีดยานอนหลับ (ยาสลบ) ให้สุนัขสงบและหลับลึกที่สุด เข็มที่สองคือยาที่มีฤทธิ์หยุดการทำงานของหัวใจ สุนัขจะเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวาย ก่อนเสียชีวิตสุนัขอาจมีอาการกระตุก เกร็งเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากยาเข็มที่สอง แต่สุนัขจะไม่รู้สึกตัวหรือเจ็บปวดเนื่องจากอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยานอนหลับนั่นเอง
ก่อนการุณยฆาตทุกครั้ง คุณหมอจะถามความยินยอมจากเจ้าของ พร้อมทั้งประเมินความจำเป็นในการส่งน้องหมาให้นอนหลับอย่างสงบ ดังนี้
- เหตุผลที่ 1 สิ่งที่เคยมีความสุขกลับไม่อยากทำอีกต่อไป เล่นน้อยลง ไม่อยากกินอาหาร ไม่อยากกินน้ำ หรือไม่อยากเดินออกกำลังกายอย่างที่เคยชอบ เหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นกับสุนัขวัยชราที่เริ่มมีปัญหาสุขภาพรุมเร้าหรือเจ็บป่วยเรื้อรัง มักเป็นความเสื่อมของร่างกายที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เช่น ไตวาย โรคหัวใจ โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์หรือข้อเสื่อมอย่างรุนแรง เป็นต้น
- เหตุผลที่ 2 อาการเจ็บป่วยที่ ไม่สามารถรักษาให้หายได้หรือมีความเจ็บปวดทรมาน เช่น โรคเรื้อรังต่าง ๆ อาการชักที่ยาไม่สามารถควบคุมได้ อุบัติเหตุอย่างรุนแรง สุนัขเจ็บปวดทรมาน สูญเสียอวัยวะหรือพิการ จนทำให้คุณภาพชีวิตย่ำแย่หรือสุนัขติดเชื้อบางอย่างที่ส่งผลให้ร่างกายได้รับความทรมานและไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่น ไข้หัดสุนัข
ตัวอย่างอาการป่วยที่ทำให้สุนัขทุกข์ทรมาน
- ไม่สามารถกินน้ำและอาหารได้ตามปกติ เนื่องมาจากความเจ็บป่วยหรือพิการ เช่น มะเร็งในช่องปาก กรามหักหรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia gravis) ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
- มีแผลเรื้อรังและรุนแรง ที่สัตวแพทย์ประเมินแล้วว่ารักษาไม่หาย เช่น มะเร็งระยะลุกลาม
- ผอมลงอย่างต่อเนื่องจากโรคเรื้อรัง เช่น ไตวายระยะสุดท้าย ลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory bowel disease) และมะเร็ง
- เหตุผลที่ 3 สุนัขเป็นอันตรายต่อมนุษย์และชุมชน เช่น ก้าวร้าวดุร้ายผิดปกติ อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือติดเชื้อที่อาจแพร่ระบาดสู่มนุษย์และสัตว์อื่น ๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า
- เหตุผลที่ 4 เหตุผลอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น โดยอยู่ในดุลพินิจของสัตวแพทย์ร่วมกับเจ้าของสุนัข เพื่อลดความทรมานที่เกิดขึ้นกับสัตว์และจิตใจของเจ้าของ
เจ้าของสุนัขสามารถทำแบบประเมินเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ ตามลิ้งค์นี้ How Do I Know When it’s Time?
เล่าประสบการณ์จิตสุดท้ายของสุนัขในมุมมองของสัตวแพทย์และเจ้าของสุนัข
ผู้เขียนเป็นสัตวแพทย์โรงพยาบาลสัตว์ แน่นอนว่าต้องเจอความเจ็บป่วยและความตายไม่เว้นวัน หลายครั้งที่การรักษาไปจนสุดทางและจบลงด้วยการุณยฆาต จำได้ทุกเหตุการณ์ตั้งแต่พูดคุยกับเจ้าของ ช่วงเวลาที่สัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาเข้าสู่ขั้นตอนการจากไปอย่างสงบและความเศร้าของเจ้าของทุกคน
ผู้เขียนคิดว่าจิตสุดท้ายของสุนัขอยู่ที่ “เจ้านายของเค้า” สุนัขจะรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นเสมอเมื่อเจ้าของอยู่ใกล้ ๆ ทุกครั้งที่ต้องการุณยฆาตจะถามเจ้าของเสมอว่า อยากเข้าไปส่งน้องในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตหรือไม่ แอบหวังว่าเจ้าของจะอยู่ด้วยกันในเวลานั้น แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเจ้าของทุกคนก็ตาม
ครั้งนึงที่ยากที่สุดคือการุณยฆาตสุนัขชราวัย 16 ปีที่เจ้าของเห็นว่า สุนัขเหนื่อยและไม่มีความสุขอีกแล้วในชีวิตจากอาการข้อเสื่อมที่สร้างความเจ็บปวดตลอดเวลามาหลายปี ในช่วงเวลาที่เริ่มขั้นตอนการุณยฆาตสุนัข คุณเจ้าของเริ่มเล่าถึงการเดินทางของพวกเขาในยุโรปตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา นี่คือช่วงที่ยากและรู้สึกว่าการฉีดยาสองเข็มมันช่างยาวนานจริง ๆ เมื่อทุกขั้นตอนจบลงสุนัขจากไปอย่างสงบ เจ้าของกอดร่างของน้องไว้เป็นครั้งสุดท้าย ยอมรับการสูญเสียเพื่อนซี้ที่ร่วมเดินทางกันมาอย่างยาวนาน
แม่ของผู้เขียนเชื่อว่าจิตสุดท้ายของสุนัขอยู่ที่เจ้าของ ยิ่งรักยิ่งผูกพันกันมากเท่าไหร่ สุนัขจะอยากใช้เวลาทุกนาทีกับเจ้านายของพวกเขาแม้กระทั่งในช่วงสุดท้ายของชีวิต ผู้เขียนเคยได้ยินใครบางคนกล่าวว่า เรามีคนมากมายรอบตัวแต่สำหรับสุนัขแล้ว เจ้านายคือโลกทั้งใบของพวกเขา แม้แต่ตอนที่เจ้าของพาสุนัขป่วยมาหาหมอ สายตาที่สุนัขจับจ้องมีแต่เจ้าของเท่านั้นที่น้องหมารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย พวกเขาพร้อมไปในทุกที่แค่มีเจ้าของอยู่ใกล้ ๆ แม้ในช่วงเวลาจิตสุดท้ายของสุนัขก็ตาม
บทสรุป
บางคนเชื่อในเรื่องของเวรกรรม บางคนเชื่อเรื่องจิตสุดท้ายของสุนัข บางคนเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายและบางคนก็เชื่อว่าการตายอย่างสงบเป็นทางออกที่ดีที่สุดเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ต่างคนต่างความคิด ดังนั้นผู้เขียนไม่อาจตัดสินได้ว่าการุณยฆาตสุนัขเป็นเรื่องผิดบาปหรือไม่ สิ่งสุดท้ายที่อยากฝากไว้กับเจ้าของสุนัขทุกท่าน ในที่สุดแล้วเจ้านายและน้องหมาก็ต้องจากกันในวันหนึ่ง อย่าลืมใช้ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและมีค่าที่สุด น้องหมาแค่ไปรอเราอยู่ที่ไหนซักแห่ง แล้วเราคงได้พบกันในที่สุดนะเจ้าหมา
ขอบคุณเรื่องเล่าจากโปลี่ น้องหมาร้านขนมปังและไร่องุ่น
อ้างอิง
- https://edition.cnn.com/2015/06/20/africa/egyptian-millions-mummified-dogs/index.html
- https://vet.osu.edu/vmc/sites/default/files/import/assets/pdf/hospital/companionAnimals/HonoringtheBond/HowDoIKnowWhen.pdf
- https://www.avma.org/sites/default/files/2020-01/2020-Euthanasia-Final-1-17-20.pdf