ไฮไลท์ของสายพันธุ์
- เฟรนช์ บูลด็อกหรือเฟรนชี่ สุนัขขนาดเล็ก เฟรนลี่ ขี้เล่น เป็นมิตรกับทุกสิ่งบนโลกไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ ไม่เหงาแน่ ๆ ถ้ามีไว้ในบ้านสักตัว
- เฟรนชี่ ติดเจ้าของมาก พวกเขาทนไม่ได้เลยหากต้องถูกทิ้งไว้ตัวเดียวนาน ๆ ก่อนหามาเลี้ยงต้องแน่ใจแล้วว่ามีเวลามากพอที่จะดูแลเขาได้ ไม่เช่นนั้นสุนัขที่ร่าเริงอาจกลายเป็นสุนัขซึมเศร้า
- เฟรนชี่มีนิสัยเป็นตัวของตัวเองสูงและฉลาด อาจแสดงท่าทางต่อต้านหากถูกออกคำสั่งหรือโดนดุ ดังนั้นการฝึกสุนัขต้องพึ่งพาเทคนิคต่าง ๆ และความอดทน ลองทำให้ทุกอย่างเป็นการเล่นและมีรางวัลดูสิ เฟรนชี่ชอบเล่นสนุกเหมือนเด็ก ๆ ทำให้การฝึกพวกเขาไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
- เฟรนช์ บูลด็อกมีปัญหาสุขภาพค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ เจ้าของอาจต้องเตรียมเงินค่อนข้างเยอะสำหรับการดูแลสุขภาพของสุนัข เช่น โรคผิวหนังจากภูมิแพ้และอาการขนร่วงผิดปกติที่เกิดกับเฟรนช์ บูลด็อกสีหายาก เป็นต้น
- สีขนของเฟรนช์ บูลด็อกมีหลากหลายทั้งสีและลาย ทำให้เฟรนชี่เป็นหนึ่งในสุนัขที่คัลเลอร์ฟูลมากเป็นอันดับต้น ๆ สีขนและลายแปลก ๆ เป็นที่จับตามองของฟาร์มสุนัขและเจ้าของที่ต้องการ rare item
- เฟรนช์ บูลด็อกสีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจาก American Kennel Club คือ fawn (สีเทาแกมเหลืองเหมือนสีของลูกกวาง), white (ขาว), brindle (สีน้ำตาลลายเสือ) และ cream (ครีม) นอกจากนั้นยังผสมผสานกันอย่างหลากหลายทั้งเฉดสีและลาย3,4
- สำหรับผู้เลี้ยงที่ต้องการสีขนและลายแปลก ๆ เฟรนช์ บูลด็อกราคาแพง ยิ่งสีหายาก เช่น blue (เทาเข้ม), lilac (เทาอมม่วงไลแลค), blue and tan (เทาเข้มและแทน), chocolate and tan (ช็อกโกแลตและแทน), blue merel (เทาเข้มและลายด่างทั่วตัว) และ all black (สีดำสนิท)3,4
- เฟรนช์ บูลด็อกสีหายากที่เป็นที่นิยมคือ เฟรนช์ บูลด็อกสีบลู
- สีขนหายากเหล่านี้เกิดจากการถ่ายทอดของยีนส์ด้อยจากพ่อและแม่สุนัข สิ่งที่ลูกหมาสีแปลกเหล่านี้ได้รับมาด้วยคือ โอกาสป่วยจากโรคทางพันธุกรรมที่มากขึ้นกว่าเฟรนชี่สีมาตรฐาน
ความเป็นมา
เฟรนช์ บูลด็อก พบครั้งแรกราวปี ค.ศ. 1800 ที่ประเทศอังกฤษเป็นผลผลิตมาจากการผสมสุนัขอิงลิช บูลด็อกในไซต์มินิ เพื่อลดความก้าวร้าวดุดันลง ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความน่ารักพกพาง่ายแบบฉบับสุนัขขนาดเล็ก
เฟรนช์ บูลด็อก เป็นที่นิยมมากในหมู่ช่างทำลูกไม้ในเมือง Nottingham จนกลายเป็นจุดเด่นของช่างทำลูกไม้ในเมืองนี้ไปโดยปริยาย ในสมัยนั้่นถ้านึกถึงช่างทำลูกไม้ต้องมาพร้อมสุนัขตัวเล็กที่ร่าเริงเป็น Lacemaker’s signature
ช่างทำลูกไม้ฝีมือดีเริ่มเดินทางสู่ฝรั่งเศสพร้อมสุนัขของพวกเขา นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่มาที่ไปของชื่อ เฟรนช์ บูลด็อก ซึ่งต่อมาความนิยมก็แพร่หลายไปทั่วยุโรปจนโด่งดังถึงอเมริกา
ชาวอเมริกันได้เห็นสุนัขเฟรนช์ บูลด็อกครั้งแรกในงานแสดงสุนัข The Westminster Kennel Club Show ในปี ค.ศ.1896 ซึ่งชื่อเล่น เฟรนชี่ (Frenchie) ถือกำเนิดขึ้นที่อเมริกาพร้อม ๆ กับการปรับปรุงสายพันธุ์สุนัขอย่างจริงจัง
การเดินทางห้าพันไมล์ที่ยาวนานของเฟรนช์ บูลด็อก เริ่มต้นที่อังกฤษ มีชื่อเสียงในฝรั่งเศสและก้าวเข้าสู่การสร้างสายพันธุ์ในอเมริกาจนกลายเป็นเฟรนชี่ หนึ่งในสายพันธุ์สุนัขยอดนิยมในปัจจุบัน
ความต้องการพื้นฐาน
สารอาหาร
เฟรนช์ บูลด็อก ไม่ได้ต้องการอาหารพิเศษเพียงแค่เลือกอาหารคุณภาพดีให้เหมาะสมกับช่วงอายุและหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูงก็เพียงพอสำหรับสุนัข
สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือปริมาณอาหาร เฟรนช์ บูลด็อกอ้วนง่ายและยังไม่ชอบออกกำลังกายหนัก ๆ ดังนั้น ปริมาณอาหารที่ให้สุนัขในแต่ละมื้อจึงควรสมดุลกับกิจกรรมของสุนัข แน่นอนว่าสุนัขที่ชอบนอนเล่นบนเบาะนุ่ม ๆ มีการใช้พลังงานน้อยกว่าสุนัขที่กระตือรือร้นและการให้อาหารก็แตกต่างกันออกไป แม้ว่าสุนัขจะอยู่ในบ้านเดียวกันก็ตาม
สำหรับสุนัขที่มีปัญหาขนร่วง แนะนำอาหารสูตรบำรุงผิวหนังและขน โดยเฉพาะอาหารที่ผสมโอเมก้า 3, น้ำมันปลา, วิตามิน E และวิตามิน A ช่วยบำรุงขนและผิวหนัง ลดอาการขนร่วง6
รักษาความสะอาด
- เฟรนช์ บูลด็อก ขนสั้นเกรียนดูแลทำความสะอาดง่ายมาก ขนไม่ค่อยร่วง ไม่มีกลิ่นตัว อาบน้ำอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ นอกจากกรณีที่สุนัขมีปัญหาโรคผิวหนัง เช่น ภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ การล้างตัวสุนัขทุกครั้งที่ออกไปเล่นนอกบ้านลดโอกาสเกิดอาการแพ้ได้
- เฟรนชี่ที่มีอาการขนร่วง โดยเฉพาะสุนัขขนสี fawn และ blue อาจมีปัญหา Colour Dilution Alopecia หรืออาการขนร่วงผิดปกติจากยีนส์ด้อยที่ควบคุมขนสีอ่อน จำเป็นต้องได้รับการดูแลผิวหนังอย่างระมัดระวังมากกว่าสุนัขขนสีอื่น ๆ หลีกเลี่ยงแชมพูและผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งมากขึ้นหรือรุนแรงกับผิวหนังมากเกินไปโดยไม่จำเป็น เช่น แชมพูยา สเปรย์หรือมูสที่ผสมแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก หรือหวีที่ทำจากโลหะ เป็นต้น
- แปรงที่ทำจากยางเหมาะกับการหวีขนสุนัขขนสั้น นอกจากจะช่วยเก็บขนที่หลุดร่วงออกไปแล้วยังเป็นการนวดสุนัขโดยไม่ทำร้ายผิวหนังอีกด้วย
- จุดสำคัญที่ไม่ควรละเลยคือ ใบหน้า เนื่องจากสุนัขหน้าย่นมีรอยพับบริเวณเหนือจมูก ซึ่งเป็นจุดที่อับชื้นง่ายและมีคราบน้ำตาสะสม ทำให้เกิดกลิ่นอับและผิวหนังอักเสบตามมา ควรเช็ดทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันและรักษาความสะอาดให้บริเวณรอยพับนั้นแห้งอยู่เสมอ
ออกกำลังกาย
เฟรนช์ บูลด็อกอ้วนง่ายมากจึงต้องการออกกำลังกายเบา ๆ เป็นประจำทุกวัน เช่น เดินเล่น วิ่งเล่นในสนามหรือเล่นของเล่น เนื่องจากเป็นสุนัขหน้าสั้นทำให้เฟรนชี่หลายตัวมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น เหนื่อยง่ายและหายใจไม่สะดวก เป็นต้น จึงควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน อาจเสี่ยงเป็นฮีทสโตรก ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการฉุกเฉินที่อันตรายถึงตาย
อ่าน 10 อาการฉุกเฉินของสุนัข ที่ต้องรีบพาไปหาหมอ
ควรระวัง เฟรนชี่ไม่ใช่หมานักว่ายน้ำที่ดีนัก ด้วยรูปร่างที่ส่วนหน้าอกหนาใหญ่กว่าท้ายลำตัว ทำให้พวกเขาว่ายน้ำไม่เก่งและยังเหนื่อยง่ายอีกด้วย
ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย
โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด
- Pulmonic stenosis
- Ventricular septal defect
โรคผิวหนัง
- ภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ (Atopic dermatitis) สุนัขมีแนวโน้มที่จะแพ้สารก่อภูมิแพ้รอบ ๆ ตัวได้ง่าย เช่น หญ้าและเกสรดอกไม้ หรือแม้กระทั่งแพ้อาหาร
- ขนร่วงผิดปกติจากยีนส์ที่ควบคุมขนสีอ่อน (Colour Dilution Alopecia) โดยเฉพาะสุนัขที่มีขนสี fawn และ blue อาจพบขนร่วงเฉพาะบริเวณขนสีอ่อนนั้น สุนัขเริ่มแสดงอาการขนร่วงเมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป พบอาการผิวแห้ง คัน ขนหักหลุดร่วงและติดเชื้อที่ผิวหนังง่ายกว่าปกติ เนื่องจากเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำได้เพียงดูแลประคับประคองอาการ เจ้าของอาจต้องทำใจไว้ก่อนหากต้องการเลี้ยงสุนัขสีหายาก3,4
โรคที่เกี่ยวกับกระดูกและโครงสร้างร่างกาย
- กระดูกสะบ้าเคลื่อน (Patella luxate)
- Intervertebral disc disease (IVDD) หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อน
- Hemivertebrae (wedge-shaped vertebrae) เป็นความผิดปกติของรูปร่างกระดูกสันหลังแต่กำเนิด ซึ่งอาจทำให้เกิดการกดทับไขสันหลัง ทำให้มีอาการทางระบบประสาท เช่น ขาอ่อนแรงและไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้
โรคตา
- Cherry eye
ปัญหาของระบบสืบพันธุ์
- เฟรนช์ บูลด็อกมักประสบปัญหาคลอดยากและแม่สุนัขจำเป็นต้องผ่าคลอดมากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ
โรคระบบทางเดินหายใจ
- Brachycephalic obstructive airway syndrome (BOAS) กลุ่มอาการยอดฮิตของสุนัขหน้าสั้น ประกอบด้วย รูจมูกแคบเล็ก โครงสร้างภายในโพรงจมูกแคบ เพดานอ่อนยาวกว่าปกติ หลอดลมตีบ เป็นต้น ส่งผลให้สุนัขนอนกรน หอบหายใจแรง หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย และไม่ทนอากาศร้อน